สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 (พ.ศ. 2479 - พ.ศ. 2495) ของ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ_พระราชชนนี

การเสวยราชย์และสละราชย์ของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และการเสวยราชย์ของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6

พระบรมสาทิสลักษณ์ วาดโดยเซอร์เจอรัลด์ เคลลี

ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2479 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 เสด็จสวรรคตและการสืบราชสมบัติก็ตกทอดไปสู่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ พระเชษฐาในเจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งได้เถลิงราชสมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 ทั้งสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 และ สมเด็จพระราชินีแมรีได้เตรียมรับมือกับความขัดแย้งต่อพระราชโอรสองค์โต อันที่จริงแล้วสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงแสดงความประสงค์ไว้ว่า "ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเป็นเจ้าว่าขอให้ลูกชายคนโตของข้าพเจ้าจะไม่ได้อภิเษกและจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเบอร์ตีและลิลีเบ็ต และราชบัลลังก์ได้"

ราวกับว่าความประสงค์ของพระบิดาและพระมารดาเป็นจริง เอ็ดเวิร์ดทำให้เกิดวิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญขึ้นโดยการยืนยันจะอภิเษกสมรสกับนางวอลลิส ซิมป์สัน แม่ม่ายชาวอเมริกัน แม้ว่าในทางกฎหมายเอ็ดเวิร์ดจะทรงสามารถอภิเษกสมรสกับนางซิมป์สันได้และคงดำรงพระอิสริยยศพระมหากษัตริย์ แต่คณะรัฐมนตรีของพระองค์เสนอแนะว่าประชาชนจะไม่มีทางยอมรับนางซิมป์สันในฐานะพระราชินีได้และยังขัดค้านการอภิเษกสมรสนี้ด้วย อันที่จริงถ้าสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงเพิกเฉยต่อคำแนะนำเหล่านั้น พวกเขาก็จะตัองลาออก และจะทำให้เป็นการทำลายสถานภาพของพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างยากที่จะเยียวยาได้ จึงทำให้ทรงยอมรับคำแนะนำจากคณะรัฐมนตรีโดยดี พระองค์จึงได้ทรงเลือกที่จะสละราชสมบัติให้แก่เจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งมิได้ทรงมีความปรารถนาจะเป็นกษัตริย์และทรงได้รับการอบรมมาเพียงน้อยนิด (แม้ว่าทั้งพระชนกและพระชนนีจะคาดหวังกับพระองค์ไว้ล่วงหน้าแล้ว) เจ้าชายอัลเบิร์ตทรงเลือกพระปรมาภิไธยว่า จอร์จที่ 6 พระองค์และเจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงเข้าพิธีราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์และพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ ไอร์แลนด์และดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร สมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งอินเดียเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 ซึ่งเป็นวันที่กำหนดไว้สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8

สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธทรงสนับสนุนการตัดสินใจของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ที่จะไม่พระราชทานพระอิสริยยศชั้นรอยัลไฮเนส (Royal Highness) ให้กับพระชายาและเชื้อสายคนใดในอดีตพระมหากษัตริย์ เมื่อเอ็ดเวิร์ดและวอลลิส ซิมป์สันอภิเษกกัน จึงทำให้นางซิมป์สันเป็นดัชเชสแห่งวินด์เซอร์

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2482

ในปี พ.ศ. 2482 สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ และพระราชสวามีทรงเป็นกษัตริย์และพระราชินีในราชบัลลังก์พระองค์ที่เสด็จเยือนประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา การเสด็จเยือนสถานที่ต่างๆ ทำให้สองพระองค์ต้องเสด็จไปทั่วประเทศแคนาดาจากอีกฝั่งทะเลหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งทั้งขาไปและกลับ พร้อมทั้งเสด็จอ้อมไปยังสหรัฐอเมริกาในช่วงสั้น โดยทรงพบกับครอบครัวรูสเวลท์ที่ทำเนียบขาวและบ้านพักในบริเวณหุบเขาแม่น้ำฮัดสันด้วย การต้อนรับทั้งสองพระองค์จากชาวแคนาดาและสาธารณชนอเมริกันเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ความรู้สึกว่าทั้งสองพระองค์เป็นตัวแทนที่ไม่มีความสลักสำคัญของสมเด็จเจ้าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ที่หลงเหลืออยู่มลายหายไป สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธเคยตรัสกับแม็กเคนซี คิง นายกรัฐมนตรีของแคนาดาว่า "การมาเยือนนี้ทำให้เราเป็นที่รู้จัก" และพระองค์ได้เสด็จกลับมาเยือนแคนาดาอีกหลายครั้งทั้งแบบราชการและส่วนพระองค์

ในประเทศแคนาดาพระองค์ทรงได้รับการกล่าวถึงตลอดพระชนม์ชีพเกี่ยวกับคำตอบแบบฉับพลันตามที่มีรายงานในคราวเสด็จมาถึงในปี พ.ศ. 2482 เมื่อมีทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 คนหนึ่งทูลถามพระองค์ในระหว่างการพบปะพสกนิกรติดต่อกันครั้งหนึ่งของทั้งสองพระองค์ในช่วงแรกสุดว่า "ฝ่าพระบาทรงเป็นชาวสก็อตหรือชาวอังกฤษ" พระราชินีตรัสตอบว่า "เราก็เป็นชาวแคนาดาไงล่ะ!"

สงครามโลกครั้งที่ 2

เอเลนอร์ โรสเวลต์ (กลาง) พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ณ กรุงลอนดอน วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2485

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พระมหากษัตริย์และพระราชินีทรงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความอดทนของชาติ ภายหลังจากการประกาศสงครามได้ไม่นาน ได้มีการจัดทำหนังสือ "The Queen's Book of the Red Cross" (หนังสือกาชาดในสมเด็จพระราชินี) ขึ้น นักประพันธ์และศิลปินจำนวนห้าสิบคนได้ช่วยกันเขียนเนื้อหาภายในเล่ม โดยหน้าปกเป็นพระฉายาลักษณ์ที่ถ่ายโดยเซซิล บีตันและนำออกขายเพื่อช่วยเหลือกาชาด สมเด็จพระราชินีทรงปฏิเสธที่จะเสด็จออกจาก กรุงลอนดอนแม้ว่าจะมีการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องเมื่อทรงได้รับการถวายคำแนะนำจากเหล่าคณะรัฐมนตรี พระองค์ตรัสว่า "เด็กๆ จะไม่ไปไหนทั้งนั้นหากไม่มีเราไปด้วย เราจะไม่ทิ้งพระเจ้าอยู่หัว และพระเจ้าอยู่หัวจะไม่เสด็จหนีไปไหนเด็ดขาด"

พระองค์เสด็จเยี่ยมสถานที่ต่างๆ ที่ตกเป็นเป้าทิ้งระเบิดจากกองทัพอากาศนาซีเยอรมันในกรุงลอนดอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตใน East End ใกล้กับเขต London's docks การเสด็จเยี่ยมในตอนแรกทำให้เกิดการต่อต้าน ผู้คนปาเศษขยะและหัวเราะเยาะใส่พระองค์ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์ที่หรูหราราคาแพง ซึ่งทำให้พระองค์ผิดแผกแปลกไปจากคนอื่นซึ่งทุกข์ทรมานจากการขาดแคลนสิ่งจำเป็นในการดำรงชีพอันเกิดจากสงคราม พระองค์ตรัสอธิบายว่าถ้าสาธารณชนมาเห็นพระองค์ก็จะแต่งตัวให้ดีที่สุดเช่นกัน ดังนั้นพระองค์จึงต้องตอบสนองไปในแบบเดียวกัน นอร์แมน ฮาร์ทเนลล์ ช่างพระภูษาประจำราชวงศ์ได้ฉลองพระองค์ให้สมเด็จพระราชินีด้วยสีอ่อนหวานและไม่ใช้สีดำเลย เพื่อแสดงให้เห็นถึง "สายรุ้งแห่งความหวัง" เมื่อพระราชวังบักกิงแฮมโดนระเบิดหลายครั้งระหว่างการทิ้งระเบิดหนักที่สุด พระองค์ตรัสว่า "ข้าพเจ้าดีใจที่พวกเราโดนทิ้งระเบิด มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าสามารถมองเห็น East End อยู่ไม่ไกลนัก"

แม้ว่าพระมหากษัตริย์และพระราชินีทรงปฏิบัติพระราชภารกิจระหว่างวันที่พระราชวังบักกิงแฮม ในส่วนของความปลอดภัยและเหตุผลของครอบครัวทั้งสองพระองค์จึงประทับค้างคืนที่ปราสาทวินด์เซอร์ (ประมาณ 20 ไมล์ หรือ 35 กิโลเมตรไปทางตะวันตกจากใจกลางกรุงลอนดอน) พร้อมกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ มกุฎราชกุมารีและเจ้าหญิงมาร์กาเรต สำนักพระราชวังต้องสูญเสียข้าราชบริพารจำนวนมากให้กับกองทัพและห้องในพระราชวังส่วนมากก็ถูกปิดลง

เนื่องจากอิทธิพลของสมเด็จพระราชินีต่อจิตใจชาวอังกฤษ กล่าวกันอดอล์ฟ ฮิตเลอร์เรียกพระองค์เป็น "ผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในยุโรป" อย่างไรก็ดี ก่อนสงครามจะประทุขึ้น พระองค์และพระราชสวามี เช่นเดียวกับเสียงข้างมากในรัฐสภาและสาธารณชนอังกฤษได้สนับสนุนการยอมอ่อนข้อและเนวิลล์ แชมเบอร์เลน ที่เชื่อในประสบการณ์จากสงครามโลกครั้งที่ 1 เห็นว่าจะต้องหลีกเลี่ยงสงครามไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากการลาออกของแชมเบอร์เลน สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ทรงขอให้วินส์ตัน เชอร์ชิลล์ตั้งรัฐบาลขึ้นมา แม้ว่าในตอนแรกพระองค์ยังทรงลังเลที่จะสนับสนุนเชอร์ชิลล์ แต่ทั้งพระองค์และสมเด็จพระราชินีก็ทรงเคารพนับถือและชื่นชอบในความกล้าหาญและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของเขา

ใกล้เคียง

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก